จับตา! มาตรการส่งออกผลไม้ไทยไปประเทศจีน น่าสนใจแค่ไหน?

          ประเทศจีน ถือว่าเป็นตลาดการส่งออกผลไม้ที่สำคัญของไทย เนื่องจากประเทศจีนให้ความสำคัญกับการบริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพสูงมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดผลไม้ไทยมีแนวโน้มส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปีจากการตอบรับและได้รับความนิยมบริโภคผลไม้ไทยในประเทศจีน

         ทำให้ผู้ค้าส่งทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า มองหาวิธีการในการเพิ่มปริมาณผลผลิต ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้มากที่สุด บทความนี้ วิชาการ จะพามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีนกัน ไปดูรายละเอียดกันได้เลย

การผลักดันผลไม้ไทยในการส่งออก

       กระทรวงพาณิชย์ มี “มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 2566” เข้ามาช่วย โดยตั้งเป้าผลักดันการส่งออกผลไม้ทั้งสดและแปรรูปตลอดฤดูการผลิตไว้ประมาณ 4.44 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน 10% ผ่าน 22 มาตรการเชิงรุก ที่แบ่งการดูแลออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่

  1. ด้านการผลิต
  2. ด้านการตลาดในประเทศ
  3. ด้านการตลาดต่างประเทศ
  4. ด้านกฎหมาย

มาตรการที่เกี่ยวข้องในการส่งออกสินค้า

  1. จัดตั้งทีมเซลส์แมนจังหวัด-ประเทศประสานงานกัน ช่วยระบายผลไม้ของเกษตรกรทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
  2. ส่งเสริมการแปรรูปช่วยค่าบริหารจัดการแปรรูปผลไม้ เช่น ลำไยอบแห้ง,  ทุเรียนแช่แข็ง ฯลฯ
  3. ส่งออกผลไม้สู่ตลาดจีนในโครงการ Thai Fruits Golden Months การขายผ่าน TV Shopping
  4. ส่งเสริมการส่งออกผลไม้ในงานแสดงสินค้านานาชาติ เช่น THAIFEX-Anuga Asia และ GULF FOOD ฯลฯ
  5. จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นผลไม้ไทย เช่น Country Brand ส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมมะพร้าวไทย เป็นต้น

ประเทศคู่แข่งในการส่งออกสินค้าของไทย

          ประเทศที่จีนนำเข้าผลไม้มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. ไทย
  2. ชิลี
  3. เวียดนาม
  4. ฟิลิปปินส์
  5. สหรัฐอเมริกา

          และในปี 2565 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าผลไม้จากไทยมากที่สุดคิดเป็นมูลค่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาด้วยประเทศชิลี เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา และหากแยกตามมณฑลแล้ว พบว่า มณฑลกวางตุ้งมีมูลค่าการนำเข้าผลไม้ไทยมากที่สุด รองลงมาคือ มณฑลเจ้อเจียงและมณฑลยูนนาน ตามลำดับ อีกทั้งผลไม้ไทยที่มีการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดจีนหลัก ๆ ได้แก่ ทุเรียน, มังคุด, ลำไย และมะพร้าว 

ผลไม้ที่นิยมส่งออกไปยังประเทศจีน

       ประเทศจีนและไทยจึงมีการตกลงทำสารข้อตกลงร่วมกันในการเรื่องของการตรวจสอบและกักกันโรคซึ่งได้มีการกำหนดรายชื่อผลไม้ 22 ชนิดที่ประเทศจีนอนุญาตให้นำเข้าจากไทยตามประกาศ General Administration of Customs of the People’s Republic of China (GACC) ได้แก่

  • มะขาม, น้อยหน่า, มะละกอ, มะเฟือง, ฝรั่ง
  • เงาะ, ชมพู่, ขนุน, ลองกอง, สับปะรด
  • ละมุด, กล้วย, เสาวรส, มะพร้าว, ลำไย
  • ทุเรียน, มะม่วง, ลิ้นจี่, มังคุด, พวกส้ม(ส้มเปลือกล่อน ส้ม ส้มโอ)

          ซึ่งการนำเข้าผลไม้มายังประเทศจีนต้องผ่านผู้นำเข้าของจีนเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลจีนไม่ยินยอมให้กิจการของต่างชาติมาประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออกในประเทศจีน เว้นแต่จะมีการร่วมทุนกับนักธุรกิจจีนเพื่อจัดตั้งบริษัททางการค้า (Trading Firm)

เส้นทางการส่งออกผลไม้ไทย

         ปัจจุบันมีช่องทางการส่งออกหลายเส้นทางด้วยกัน เช่น

  • ทางบก
  • ทางอากาศ
  • ทางเรือ

          รวมถึงช่องทางการกระจายและการจำหน่ายสินค้าก็มีหลากหลาย แต่แบ่งออก หลัก ๆ เป็น 2 แบบ ได้แก่ช่องทาง ออนไลน์ และออฟไลน์ (มีหน้าร้านจำหน่าย) สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างทั่วถึง

อุปสรรคในการนำเข้าสินค้าผลไม้ไทย

       อุปสรรคหนึ่งในการนำเข้าสินค้าผลไม้ไทย คือแม้ว่าประเทศไทยเป็นแหล่งนำเข้าผลไม้หลักในจีน แต่เนื่องจากจีนประชากรในประเทศมีจำนวนมาก ทำให้ความต้องการบริโภคผลไม้จึงสูงตามไปด้วย

          ในปัจจุบัน จีนได้อนุญาตให้ เวียดนามและ ฟิลิปปินส์ ส่งทุเรียนมายังจีน ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งทางการค้าสำคัญของไทยเลยก็ว่าได้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการค้าและเกษตรกรไทยมากน้อยแค่ไหน คงต้อรอดูกันต่อไป

 


Reference:

  • ไทยรัฐออนไลน์.  (2566).  22 มาตรการเชิงรุก ดันราคาผลไม้ปี 2566.  สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566, จาก https://bit.ly/42RUweN
  • คิดค้า.com.  (2566).  สถานการณ์และแนวโน้มของตลาดผลไม้ในจีน ปี 2566.  สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566, จาก https://bit.ly/3WjEvvW
  • Posttoday.  (2566).  จุรินทร์ ลุยเคาะ 22 มาตรการเชิงรุกดันผลไม้ราคาดีตลอดฤดูกาลปี 66.  สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566, จาก https://bit.ly/3MJPOKE

วิชาการ
Logo
Enable registration in settings - general