โลกกำลังต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง และเกณฑ์มาตรฐานในการวัดที่สำคัญคืออุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 1.5°C เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม เกณฑ์นี้มีความสำคัญเนื่องจากแสดงถึงจุดที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบที่รุนแรงและอาจจะแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว ในบทความนี้ วิชาการ จะพาไปดูสิ่งที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดต่อโลกและมนุษยชาติ พร้อมทั้งแนวทางในการรับมือ
ถ้าโลกร้อนเพิ่มอีก 1.5°C จะเกิดอะไรขึ้น? พร้อมแนวทางในการแก้ไข
1. การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
น้ำแข็งละลายและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
- น้ำแข็งอาร์กติกละลาย: น้ำแข็งอาร์กติกจะร้อนขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำแข็งอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้ไม่เพียงคุกคามระบบนิเวศขั้วโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีกด้วย
- ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น: อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นทำให้น้ำแข็งละลายและน้ำทะเลขยายตัว ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองชายฝั่งและประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเพิ่มมากขึ้นและอาจเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้
ความเป็นกรดในมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตในทะเล
- แนวปะการัง: มหาสมุทรจะอุ่นขึ้นและเป็นกรดมากขึ้น คุกคามต่อแนวปะการัง ซึ่งเป็นที่สิ่งมีชีวิตทางทะเลอาศัยอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวจะเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงมากขึ้น
- ระบบนิเวศทางทะเล: การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและเคมีของมหาสมุทรจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล ทำให้จำนวนสัตว์น้ำลดลง
2. ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ
การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
- การสูญเสียถิ่นที่อยู่: สัตว์หลายชนิดมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น หมีขั้วโลกสูญเสียพื้นที่การล่าสัตว์เมื่อน้ำแข็งในทะเลหายไป เป็นต้น
- การหยุดชะงักของระบบนิเวศ: การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและรูปแบบการตกตะกอนทำให้ระบบนิเวศหยุดชะงัก สัตว์บางชนิดอาจอยู่รอดได้ยาก สิ่งนี้นำไปสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
การโยกย้ายและการปรับตัว
- ถิ่นอาศัยที่เปลี่ยนไป: สัตว์ต่าง ๆ อาจอพยพไปยังพื้นที่ที่เย็นกว่า แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะปรับตัวได้เร็วเพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของระบบนิเวศและการสูญพันธุ์ของสัตว์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้
3. สุขภาพของมนุษย์และการดำรงชีวิต
ผลกระทบด้านสุขภาพ
- การเจ็บป่วยจากความร้อน: อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะเพิ่มอุบัติการณ์ของคลื่นความร้อน ทำให้เกิดอาการลมแดดและภาวะขาดน้ำเพิ่มมากขึ้น
- โรคที่เกิดจากแมลง: ภูมิอากาศที่อุ่นขึ้นทำให้พาหะนำโรคอย่างยุงเกิดการแพร่กระจายโรคต่าง ๆ มากขึ้น เช่น มาลาเรีย และไข้เลือดออก เป็นต้น โดยจะแพร่ไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
ความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ
- ผลผลิตทางการเกษตร: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อผลผลิตพืชผล บางภูมิภาคอาจประสบกับผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลง เนื่องจากภัยแล้งหรือฤดูกาลปลูกที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งคุกคามความมั่นคงทางอาหาร
- การขาดแคลนน้ำ: เมื่อธารน้ำแข็งละลายและรูปแบบการตกตะกอนเปลี่ยนไป คุณภาพของน้ำจึงคาดเดาได้ยากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดแคลนน้ำในพื้นที่บางแห่ง
4. ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
ต้นทุนทางเศรษฐกิจ
- ความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐาน: ความถี่ที่เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น พายุเฮอริเคนและน้ำท่วม เป็นต้น อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ต้องมีการซ่อมแซมและการเปลี่ยนทดแทนใหม่ที่มีราคาแพง
- ค่าประกันภัย: ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้น และอาจทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถรับประกันได้
การโยกย้ายและการพลัดถิ่น
- ผู้ลี้ภัยสภาพภูมิอากาศ: ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงอาจทำให้ประชากรต้องพลัดถิ่น ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยจากสภาพภูมิอากาศเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้ทรัพยากรขาดแคลนและสร้างความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
แนวทางการแก้ไขภาวะโลกร้อนและการปรับตัว
1. การเปลี่ยนผ่านพลังงานทดแทน
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็วถือเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น
- ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร การขนส่ง และอุตสาหกรรมสามารถช่วยลดความต้องการพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมได้
2. นโยบายและความร่วมมือระดับโลก
- ข้อตกลงระหว่างประเทศ: ความร่วมมือระดับโลกผ่านข้อตกลง อย่างข้อตกลงปารีสเป็นสิ่งจำเป็นในการประสานงานในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- นโยบายระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ: รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ปกป้องระบบนิเวศทางธรรมชาติ และสนับสนุนชุมชนในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก 1.5°C นั้นมีหลายแง่มุม โดยส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สุขภาพของมนุษย์ เศรษฐกิจ และสังคม แต่ทาง วิชาการ เห็นว่ายังมีโอกาสที่จะบรรเทาและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ ผ่านความพยายามร่วมกันระดับโลก
โดยเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนเป็นอันดับแรก อย่างการลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง หันมาใช้พลังงานสะอาด ช่วยกันแยกขยะ เพื่อให้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้บางส่วน ปฏิเสธการใช้พลาสติกหากไม่จำเป็น ร่วมกันปลูกป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และแนวทางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยโลกที่รักของเราไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะ