7 สัญญาณอันตราย Heat Stroke โรคลมแดดในหน้าร้อน

       

          เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนในช่วงเดือนเมษายน – มีนาคม ของทุกปี อุณหภูมิก็จะสูงตามมาด้วย โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าอากาศร้อนจัด จนไม่อยากจะทำกิจกรรมใด ๆ กลางแจ้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้อาชีพที่ต้องเผชิญกับความร้อนท่ามกลางแสงแดด ไม่ว่าจะเป็น อาชีพเกษตรกร อาชีพก่อสร้าง อาชีพอื่น ๆ ซึ่งการทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนจัดอาจส่งผลให้เกิดเป็นโรคลมแดด หรือเรียกว่า Heat Stroke ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ทราบว่ากำลังเผชิญกับภาวะที่ก่อให้เกิดอาการ Heat stroke วิชาการ มีสาระเกี่ยวกับโรคนี้มาให้ทุกท่านได้อ่าน

โรคฮีทสโตรกคืออะไร

          ฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด เป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาจจะทำให้เกิดอาการร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

ประเภทของโรคลมร้อน แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

  1. โรคลมร้อนหรือโรคลมแดดทั่วไป (Classical or nonexertional heat stroke; NEHS) พบในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งอยู่ในสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง กลไกการระบายและควบคุมความร้อนทำงานล้มเหลว ทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับความร้อนจึงมีอุณหภูมิแกนของร่างกายสูงขึ้นเกิน 40 องศาเซลเซียส และในที่สุดเกิดเป็นโรคลมร้อนหรือโรคลมแดด
  2. โรคลมร้อนจากการออกกำลังกาย (Exertional heat stroke; EHS) พบในคนวัยหนุ่มสาวที่ทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายอย่างหนักเป็นระยะเวลานานในกลางแจ้งหรือในสภาพอากาศร้อนจัด มีการเพิ่มการสร้างความร้อนของร่างกายมากกว่าที่ร่างกายจะสามารถระบายความร้อนได้ทัน ทำให้อุณหภูมิแกนของร่างกายสูงขึ้นเกิน 40 องศาเซลเซียส อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน มึนงงกล้ามเนื้อหดเกร็ง หายใจลำบาก เป็นต้น และมักพบว่าเป็นลม หมดสติ ก่อนที่จะเกิดภาวะโรคลมร้อน

7 สัญญาณเตือนของโรคฮีทสโตรก

  1. อาการหน้ามืด
  2. ตัวร้อนจัด หน้าแดง ผิวแห้งมาก หรือบางรายอาจเหงื่อออกมากผิดปกติ
  3. ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
  4. กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นตะคริว
  5. อัตราการเต้นของหัวใจสูง แต่เบา
  6. เกิดอาการทางประสาท เช่น สับสน กระวนกระวาย พูดไม่ชัด ชัก เกร็ง เป็นต้น
  7. หมดสติ

วิธีปฐมพยาบาลผู้ป่วยเป็นโรคลมแดด (Heat Stroke)

  1. รีบนำผู้ป่วยเข้าในที่ร่มเย็น อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่โดนแสงแดดเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายของผู้ป่วย
  2. ให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกเท้าสูงทั้ง 2 ข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ผู้ป่วย
  3. คลายเสื้อผ้าให้หลวม เพื่อระบายความร้อนได้ไวขึ้น
  4. ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ ตัว รักแร้ ขาหนีบ หน้าผาก ใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงอย่างเร็วที่สุด
  5. ถ้าผู้ป่วยไม่ได้หมดสติให้ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ แบบค่อย ๆ จิบทีละน้อยแล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
  6. ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ไม่ตอบสนอง ไม่หายใจ ควรเริ่มทำการ PCR หรือปั๊มหัวใจโดยด่วน

วิธีการป้องกันโรคลมแดด (Heat Stroke)

  1. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  2. สวมเสื้อผ้าสีอ่อน โปร่ง ไม่หนา น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี
  3. จิบน้ำบ่อย ๆ อย่างน้อย 6-8 แก้ว ต่อวัน ถึงแม้ไม่กระหายน้ำก็ตาม เพิ่มเติมความชุ่มชื่นและลดอุณหภูมิให้แก่ร่างกาย
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และเครื่องดื่มน้ำตาลสูง
  5. ออกกำลังกายภายในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ควรเลือกช่วงเช้าหรือช่วงเย็น ที่อากาศไม่ร้อนมาก
  6. เด็กและคนชราไม่ควรปล่อยให้อยู่ตามลำพังท่ามกลางแสงแดด

          ฮีทสโตรกสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่โล่งแจ้งที่มีอุณหภูมิสูงไม่ได้ ควรปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นโรคลมแดดง่าย ๆ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ เมื่อมีสัญญาณตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ควรมองหาที่ร่มเย็น ที่อุณหภมิต่ำ ๆ เพื่อจะได้มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อลดความรุนแรงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต วิชาการ ห่วงใย หน้าร้อนห่างไกล โรคฮีทสโตรก

Reference:

  • โรงพยาบาลพญาไท.  2564).  ฮีทสโตรก โรคลมแดด ดูแลตัวเองให้ห่างไกล เมื่อต้องอยู่ในโซนร้อน.  สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566, จาก https://bit.ly/3JMTOr3
  • POPPAD.  (2565).  วิธีปฐมพยาบาลอาการฮีทสโตรก.  สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566, จาก https://bit.ly/3lGwT8L
  • ไทยพีบีเอส.  (2565).  อันตรายถึงชีวิตกับอาการฮีทสโตรก ที่มากับความร้อน.  สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566, จาก https://bit.ly/3JKxb6v



วิชาการ
Logo
Enable registration in settings - general