หน้าฝนแบบนี้มีสิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งซึ่งก็คือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) โดยแพร่กระจายสู่คนผ่านทางยุงลายที่เป็นพาหะมีเชื้อ โรคนี้พบได้บ่อยในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนทั่วโลก
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่พบโรคไข้เลือดออกระบาดเป็นประจำทุกปี นำมาซึ่งความเจ็บป่วยหรืออาจเสียชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ปัจจุบันได้มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกกันแล้ว โดยในประเทศไทยก็มีสถานพยาบาลที่ให้บริการวัคซีนไข้เลือดออกแล้วเช่นกัน โดยจะมีรายละเอียดอย่างไร ตาม วิชาการ ไปดูได้เลย
รู้จักวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก หน้าฝนฉีดไว้ก่อนปลอดภัยกว่า
ไข้เลือดออก อาการเป็นอย่างไร ?
สำหรับอาการของโรคไข้เลือดออกอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะแรก (ไข้สูง)
อาการจะเริ่มขึ้นภายใน 4-7 วันหลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด อาการในระยะแรก ได้แก่
- ไข้สูงเฉียบพลัน 39-40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก
- อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
- อาจมีผื่นแดงหรือจุดเลือดออกตามตัว
ระยะที่สอง (ไข้ลด)
- อาการไข้จะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 วัน
- ผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหารมากขึ้น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และปวดท้อง
ระยะที่สาม (ไข้กลับคืน)
- ระยะรุนแรงโดยไข้จะกลับมาอีกครั้งภายใน 2-7 วันหลังจากไข้ลด
- ผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล ปัสสาวะหรืออุจจาระมีเลือดปน ปวดท้องอย่างรุนแรง ช็อก และเสียชีวิตได้
รู้จักวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
สำหรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่ วิชาการ นำมาแนะนำในวันนี้ มีวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ป้องกันไข้เลือดออกอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
- วัคซีน DENGVAXIA : ผลิตโดยบริษัท Sanofi Pasteur เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 6-45 ปี ฉีด 3 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน
- วัคซีน QDENGA : ผลิตโดยบริษัท Bharat Biotech เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 4-60 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน
โดยในประเทศไทยของเรามีการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนทั่วไป ซึ่งเราสามารถสอบถามสถานพยาบาลใกล้บ้านได้เลย
ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเป็นอย่างไร ?
สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก สามารถลดอัตราการป่วยได้ ดังนี้
- สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ 65.6 %
- สามารถลดความรุนแรงของโรค 93.2 %
- สามารถลดอัตราการนอนโรงพยาบาล 80.8 %
ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
- วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 4-60 ปี
- ผู้ที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ได้แก่
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีโรคไข้เลือดออกระบาด
- ผู้ที่ทำงานหรือเดินทางไปในพื้นที่ที่มีโรคไข้เลือดออกระบาด
- ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออกสูง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว (โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ ฯลฯ) เป็นต้น
- ผู้ที่ไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ได้แก่
- ผู้ที่แพ้วัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีน
- ผู้ที่มีอาการแพ้ง่ายและรุนแรง เช่น ลมพิษ บวม หรือหายใจลำบากหลังฉีดวัคซีนชนิดอื่น เป็นต้น
- ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
Reference:
- คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล. (2563). วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566, จาก https://bit.ly/46FQbxx